เชื่อว่าใครหลายคน เมื่ออยู่ที่บ้านไปนานๆแล้ว ต้องมีความคิดอยากจะตกแต่งบ้านใหม่ เพื่อเปลี่ยนรูปแบบบ้านให้ดูทันสมัย และสวยงามมากขึ้น โดยวิธีหนึ่งที่คนมักนิยมเปลี่ยนบ้านให้ดูเป็นบ้านใหม่นั้นคือ การทาสีบ้าน ซึ่งถือได้ว่าหลายคนคงตัดสินใจลงมือทำเอง เพราะการทาสีบ้านนั้น สามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องจ้างช่าง ถือเป็นการประหยัดงบประมาณการตกแต่งบ้านไปได้ในทางหนึ่ง โดยการที่จะทาสีบ้านให้สวยและทนนาน ต้องเริ่มจากการเลือกใช้สีที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เพื่อให้ช่วยบำรุงผนังบ้าน และให้สามารถใช้งานได้ระยะยาว โดยเราควรทราบถึงขั้นตอน และการลงมือที่ถูกต้อง เพื่อให้ออกมาสวยงาม และคุณภาพการใช้งานออกมาสมบรูณ์มากที่สุด
จุดประสงค์หลักของ การทาสีบ้าน ใหม่
- สีหมดสภาพ ซีดจาง เนื่องจากสีหมดอายุการใช้งาน
- ต้องการเปลี่ยนสีใหม่ให้เหมาะกับสภาพภูมิทัศน์ หรือให้ทันสมัย
- ผนังไม่สวยงามเนื่องจาก คุณภาพสี เช่น สีลอก ผนังสกปรกมีราดำ ตะไคร่น้ำ ผนังร้าวแตกลายงาน
- อาคารสร้างใหม่ เพื่อความสวยงาม ลดความร้อน ป้องกันความสกปรก กันน้ำซึม ยืดอายุของผนังตอนมาฝากกัน
วิธีการทาสีบ้านที่ถูกต้อง
ขั้นแรก : การเตรียมพื้นผิว
ขั้นตอนนี้มีความสำคัญที่สุด เพราะการเตรียมพื้นผิวอย่างถูกต้อง จะทำให้สีที่ทาลงไปมีความสวยงาม กลมกลืนเรียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนทาสีทุกครั้งต้องทำความสะอาดคราบฝุ่นคราบไขมันบนพื้นผิวก่อนด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำสบู่แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ต้องทำความสะอาดคราบสกปรกต่างๆ และทิ้งให้ผนังแห้งอย่างน้อย 30 วัน ถ้าหากมีราหรือตะไคร่น้ำต้องกำจัดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หากเป็นผนังปูนเก่าและสีเดิมอยู่ในสภาพหลุดล่อนชำรุด ต้องขัดล้างสีเก่าออกก่อนให้หมด หรือหากมีผนังแตกร้าว ควรอุดซ่อมก่อน ถ้าเป็นเพียงรอยแตกลายงา สามารถทาสีทับได้เลย เพราะสีจะปิดรอยนั้นได้
ขั้นที่สอง : การทาสีรองพื้น
ทาสีรองพื้น คือ สีที่ใช้ทาบนพื้นผิวก่อนทาสีจริงทับหน้า เพื่อช่วยให้สีทับหน้ายึดเกาะกับพื้นผิวได้ดีและป้องกันความเสียหายจากปฏิกิริยาเคมีระหว่างสีทับหน้ากับพื้นผิว
– พื้นผิวปูน : หากเป็นปูนใหม่ รองพื้นด้วยสีรองพื้นปูนใหม่ เพื่อปรับสภาพพื้นผิวคอนกรีตใหม่ และชิ้นงานต่าง ๆ ที่มีค่าความเป็นด่างสูง ช่วยเพิ่มการกลบพื้นผิวดีเยี่ยม หากเป็นปูนเก่า รองพื้นด้วยสีรองพื้นปูนเก่า เพื่อเคลือบผนังปูนที่สีเก่าเสื่อมสภาพเป็นฝุ่นผงหรือหลุดลอกให้กลับมีสภาพดี ช่วยเสริมการยึดเกาะกับสีทับหน้าได้อย่างมีคุณภาพและคงทน
– พื้นผิวไม้ : รองพื้นด้วยสีรองพื้นไม้ เพื่อป้องกันยางไม้หรือน้ำยารักษาเนื้อไม้ไม่ให้ซึมออกมาผสมกับสีทับหน้า ทั้งยังช่วยปรับสภาพพื้นผิวไม้ให้เรียบเนียนเพิ่มความสวยเงางามของสีทับหน้า
– พื้นผิวเหล็ก :สีรองพื้นช่วยป้องกันการเกิดสนิม และช่วยเสริมการยึดเกาะของสีทับหน้า
ขั้นสุดท้าย : การทาสีทับหน้า
สีทับหน้าหรือสีชั้นนอก มีเฉดสีต่าง ๆ ให้เลือกมากมาย ควรทาทับหน้า 2-3 ครั้ง โดยทิ้งระยะให้สีที่ทาครั้งแรกแห้งสนิทเสียก่อนจึงทาทับครั้งต่อไป เมื่อเพื่อนๆอ่านบทความนี้จบอาจบอกว่า การทาสีไม่ยากอย่างที่คิด ยังไงลองนำวิธีที่แนะนำปฏิบัติตามกันดูได้
เทคนิคของการทาสีบ้าน
– หากมีพื้นที่มากๆ ควรใช้ลูกกลิ้งทา และใช้แปรงทาสีเก็บงานตามมุมที่ลูกกลิ้งเข้าไม่ถึง
– หลังจากทาสีแล้ว ควรล้างเครื่องมือทาสีให้สะอาด ก่อนจะนำมาใช้ใหม่ และตรวจสอบว่าอยู่ในสภาพดีอยู่หรือไม่
– ในการผสมสี ควรผสมแล้วทาให้เสร็จในครั้งเดียว หากมีการทาที่หลังและผสมน้ำ ความเข้มความจางจะไม่เท่าสีเดิม และปรากฏเป็นรอยด่างให้เห็น ซึ่งทำให้ต้องทาใหม่ทั้งผนัง
– การทาสีเพื่อป้องกันการเลอะ อาจใช้กระดาษกาวแปะเป็นกรอบที่ต้องการทา และใช้กระดาษแผ่นใหญ่ๆ ปูรองพื้นกันสีหยด หากมีสีหยดลงพื้น ให้รีบเช็ดออกทันที
– การทาสีควรทาไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้สีผนังออกมาสวยงาม เรียบเนียน และสวยงาม